มาตรฐาน 14 ประการ : ​ค้นหาหนังสือธรรมะ หน้า 6 / 163

คนดีต้องเห็นโทษของอบายมุข • พุทธวิธีในการบ่มอินทรีย์ให้แก่ศิษย์ โดยเหตุที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระสัพพัญญุตญาณ รู้แจ้งแทงตลอดในขันธสันดานของมนุษยชาติทั้งหลายว่า บางคนมี อินทรีย์ยังอ่อน บางคนปานกลาง

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นถึงอาการของอินทรีย์ของมนุษย์และสอนให้พวกเขาเข้าใจหลักการของความดีโดยการละเว้นความชั่วและอบายมุขทั้งห้าประการ. ความดีนำไปสู่ความสุขในชีวิตและไม่มีปัญหาหลังจากตายไป. แม้ปัญญาจะยัง

๔๒ คัมภีร์กู้วิกฤตชาติ พฤติกรรมเลวในสังคมทั้งหมด ๑๖ ประการ คือ คนเทียมมิตร ๑. คนปอกลอก ๒. คนดีแต่พูด ๓. คนช่างประจบ ๔. คนชักชวนในทางฉิบหาย ๑. พฤติกรรมของคนปอกลอก ๔ ประการ ๑) คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ๒) เ

คัมภีร์กู้วิกฤตชาติได้เผยแพร่พฤติกรรมเลวในสังคม 16 ประการ ได้แก่ คนเทียมมิตร, คนปอกลอก, คนดีแต่พูด, และคนช่างประจบ โดยแบ่งการวิเคราะห์เป็นพฤติกรรมเฉพาะ เช่น คนปอกลอกมีเจตนาโลภและชอบล้างผลาญทรัพย์เพื่อ

ตะแกรงกายสิทธิ์ร่อนหาคนเลว ๓. พฤติกรรมของคนช่างประจบ ๔ ประการ ๑) จะทำชั่วก็คล้อยตาม ๒) จะทำดีก็คล้อยตาม ๓) ต่อหน้าก็สรรเสริญ ๔) ลับหลังก็นินทา คนช่างประจบเหล่านี้ถ้าคบหาสมาคมด้วยก็เสียอารมณ์ เพราะไม่ม

บทความนี้กล่าวถึงพฤติกรรมของคนช่างประจบ 4 ประการ และคนชักชวนในทางชิบหาย 4 ประการ ที่อาจส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิตและสังคม เช่น การดื่มน้ำเมา การเล่นการพนัน และการขาดความจริงใจในมิตรภาพ การคบหาสมาคมกับ

๙๖ คัมภีร์กู้วิกฤตชาติ ประโยชน์ของการศึกษาเรื่องมิตรแท้ จากการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแบ่งมิตรแท้ออกเป็น ๔ ประเภท แต่ละประเภทมีพฤติกรรมแห่งความรับผิดชอบ ๔ ประการ รวมเป็นวินัยในการคบมิตร ๑๖ ประการนี้

เนื้อหาภายในคัมภีร์กู้วิกฤตชาติเน้นการศึกษาเรื่องมิตรแท้ที่แบ่งออกเป็น ๔ ประเภท โดยแต่ละประเภทมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งการเข้าใจลักษณะของมิตรแท้จะช่วยให้เราเลือกคบคนดีและหลีกเลี่ยงคนเทีย

๑๕๖ คัมภีร์กู้วิกฤตชาติ จากธรรมบรรยายตั้งแต่บทที่ ๒ เป็นต้นมา เราได้ทราบ แล้วว่า คนดีจะต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อย ๓ ประการ คือ ๑. ๓ มีความสำนึกรับผิดชอบต่อศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ ของตนเอง โดยมีอริยว

บทความนี้เน้นถึงคัมภีร์กู้วิกฤตชาติที่กล่าวถึงคุณสมบัติของคนดี ซึ่งประกอบด้วยความสำนึกรับผิดชอบต่อศักดิ์ศรีของตนเองและผู้อื่น ทั้งด้านศีลธรรมและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังอภิปรายถึงบทบาทของคนดีในการรักษาหน้

ภาคผนวก • คือ โทษแห่งการเที่ยวดูมหรสพ ๖ ประการ ๒๕๕ [๒๕๐) คหบดีบุตร การเที่ยวดูมหรสพมีโทษ 5 ประการนี้ GQ). ๒. ๓. มีการรำที่ไหน (ไปที่นั่น) มีการขับร้องที่ไหน (ไปที่นั่น) มีการประโคมที่ไหน ไปที่นั่น) ๔.

บทความนี้พูดถึงโทษที่สามารถเกิดจากการเที่ยวดูมหรสพซึ่งมี 6 ประการ และการเล่นการพนันที่นำมาซึ่งความประมาท 5 ประการ เช่น ผู้ชนะก่อเวรและผู้แพ้เสียดายทรัพย์ นอกจากนี้ยังขยายความเกี่ยวกับมิตรอำมาตย์และการ

๒๕๖ คัมภีร์กู้วิกฤตชาติ โทษแห่งการคบคนชั่วเป็นมิตร 5 ประการ [๒๕๒) คหบดีบุตร การหมกมุ่นในการคบคนชั่วเป็นมิตร มีโทษ 5 ประการนี้ คือ ๑. เขามีนักเลงการพนันเป็นมิตรสหาย ๒. เขามีนักเลงเจ้าชู้เป็นมิตรสหาย ๓.

บทความนี้พูดถึงโทษที่เกิดจากการคบคนชั่วเป็นมิตร ซึ่งมีทั้งหมด 5 ประการ ได้แก่ นักเลงการพนัน นักเลงเจ้าชู้ นักเลงเหล้า คนหลอกลวง คนโกง และโจร พร้อมกับโทษจากการเกียจคร้านที่มี 5 ประการเช่นกัน โดยบอกถึงข

ภาคผนวก ๒๖๗ [๒๖๙] คหบดีบุตร สามีพึงบำรุงภรรยาผู้เป็นทิศเบื้องหลัง โดยหน้าที่ ๕ ประการ คือ Q. ให้เกียรติ์ยกย่อง ๒. ไม่ดูหมิ่น ๓. ไม่ประพฤตินอกใจ ๔. มอบความเป็นใหญ่ให้ ๕. ให้เครื่องแต่งตัว ภรรยาผู้เป็นท

บทความนี้นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับหน้าที่ของสามีและภรรยาในครอบครัวตามคหบดีบุตร โดยระบุหน้าที่สำคัญ 5 ประการที่สามีต้องบำรุงภรรยา รวมถึงการให้เกียรติ, ไม่ดูหมิ่น, ไม่ประพฤตินอกใจ, มอบความเป็นใหญ่, และให้เ

แด่คุณครูด้วยดวงใจ โดย พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทตตชีโว) เองก็ต้องสอบตก จากใจลูกศิษย์เช่นกัน เพราะถ้าเรานึกไม่ออกว่า ครูที่ดีเป็นอย่างไร เราจะเป็นครูที่ดีได้หรือ จริง ๆ แล้ว ครูที่ดีมีอยู่มากมายในโลกน

ในบทนี้ พระภาวนาวิริยคุณกล่าวถึงคุณสมบัติของครูที่ดี ซึ่งมีทั้งหมด 7 ประการ พร้อมด้วยคุณธรรมพื้นฐาน 3 ประการที่จำเป็นต่อการเป็นครูที่ดี ใจความสำคัญคือการมีปัญญาบริสุทธิ์และความกรุณา บทความชี้ให้เห็นว่

มโนกรรม หรือมโนทวาร หมายถึง การกระทำทางใจ เมื่อการกระทำทางใจดีจึงเรียกว่า มโนสุจริต มี 3 ประการ คือ 1. อนภิชฌา ไม่คิดเพ่งเล็งอยากได้สิ่งของของผู้อื่น 2. อัพยาบาท ไม่คิดปองร้ายเบียดเบียนผู้อื่น 3. สัมม

บทความนี้พูดถึงมโนกรรมและอกุศลกรรมในศาสนาพุทธ อธิบายถึงการกระทำทางใจที่ดี และความแตกต่างระหว่างเว้นและละ ทั้งยังแบ่งประเภทกรรมที่ชั่วตามกาย วาจา และใจ เช่น การฆ่าสัตว์และการพูดเท็จ โดยมีการแยกแยะให้ง่

บารมีแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ บารมีอย่างต่ำเรียกว่า บารมี บารมีอย่างกลางเรียกว่าอุปบารมี และบารมีอย่างสูงสุดเรียกว่า ปรมัตถบารมี ซึ่งอาจสรุปบารมีทั้ง 3 ระดับได้อย่างนี้ 1. บารมีที่ทรงบำเพ็ญเป็นปกติธรรม

บารมีแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ บารมี (ระดับต่ำ), อุปบารมี (ระดับกลาง) และปรมัตถบารมี (ระดับสูงสุด) โดยบารมีคือการทำความดีและการบริจาคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพิจารณาบารมี 30 ประการเพื

แล้วต้องฝึกคนอื่นหรือสร้างคนให้รู้จักการที่จะทำความดีสร้างบารมีอย่างเต็มกำลังเช่นกัน 8. ความพอใจ คือ ไม่ว่าจะเกิดกี่ภพกี่ชาติ จะเป็นมนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉาน ขอให้มีความรักความ พอใจในพุทธภูมิเป็นกำลัง ไ

บทความนี้กล่าวถึงความสำคัญของการสร้างบารมีและธรรมสโมธาน 8 ประการซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ รวมถึงคุณสมบัติที่จำเป็นในการเกิดเป็นมนุษย์ที่สามารถสร้างบารมีได้ในอนาคต การไม่เข้าถึงอภัพพฐ

ผู้ได้ลักษณะมหาบุรุษ เป็นผู้ที่มีบุญอันสั่งสมดีแล้ว แม้ไม่ได้ออกบวชก็ย่อมถึงความเป็นใหญ่ในโลก ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ถ้าออกบวชก็จะได้ตรัสรู้ธรรมอย่างแน่นอน ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า “ดูก่อนภิกษุ

ลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ เป็นสิ่งที่กำหนดความเป็นผู้นำทั้งทางโลกและทางธรรม หากยังไม่บวช จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แต่หากบวชแล้วจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การสั่งสมบุญบารมีนั้นสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้

58. เส้นพระโลมาที่พระโขนงงอกขึ้นแล้วล้มราบไปโดยลำดับ 59. พระโขนงนั้นใหญ่ 60. พระโขนงนั้นยาวสุดหางพระเนตร 61. ผิวพระมังสะละเอียดทั่วทั้งพระวรกาย 62. พระสรีระกายรุ่งเรืองไปด้วยสิริ 63. พระสรีรกายมิได้มั

บทความนี้สำรวจลักษณะมหาบุรุษทั้ง 32 ประการ รวมถึงอนุพยัญชนะ 80 ประการ ที่เป็นลักษณะเด่นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์มีลักษณะที่ทำให้พระองค์แตกต่างจากบุคคลทั่วไป เช่น พระสรีระที่ผ่องใส, กลิ่นหอม, และเ

กระทั่งมาถึงที่ซุ้มประตูกูฏาคารศาลา พระอานนท์ออกมาต้อนรับ เห็นใบหน้าของพระนางนองไปด้วยน้ำตา จึงได้ถามถึงเหตุที่ทำให้พระนางร้องไห้ พอทราบความแล้วก็อาสาจะไปกราบทูลพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้น พระอานนท์เข

พระอานนท์ได้กราบทูลขออนุญาตจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้สตรีบวชเป็นภิกษุณี ซึ่งได้รับการอนุญาตโดยมีข้อกำหนดครุธรรม 8 ประการที่ต้องปฏิบัติตาม ภิกษุณีต้องเคารพภิกษุ ความรู้เกี่ยวกับธรรม จะต้องประพฤติตนตามแน

สัมมาวาจานั้น ก็สามารถละเสียได้เด็ดขาด ซึ่งมิจฉาวาจา 4 ประการ อันได้แก่ มุสาวาท ปิสุณา วาจา ผรุสวาจา และสัมผัปปลาปวาจา สัมมากัมมันตะนั้น ก็สามารถละเสียได้เด็ดขาด ซึ่งมิจฉากัมมันตะ 3 ประการ คือ ปาณาติบ

สัมมาวาจา สามารถละมิจฉาวาจา 4 ประการ ได้แก่ มุสาวาท ปิสุณาวาจา ผรุสวาจา และสัมผัปปลาปวาจา สัมมากัมมันตะสามารถละมิจฉากัมมันตะ 3 ประการ โดยมุ่งไปที่การละความตาย อาทิ ปาณาติบาต และให้เกิดผลดีในชีวิต เมื่

3. มโนสุจริต หมายถึง การกระทำดีทางใจ มี 3 ประการคือ 1) อนภิชฌา ไม่คิด เพ่งเล็งอยากได้สิ่งของของผู้อื่น 2) อัพยาบาท ไม่คิดปองร้ายเบียดเบียนผู้อื่น 3) สัมมาทิฏฐิ คิดถูกเห็นถูก 2. ฝ่ายอกุศลกรรม หมายถึง ก

เนื้อหาเกี่ยวกับมโนสุจริตซึ่งมี 3 ประการ ได้แก่ อนภิชฌา, อัพยาบาท, และสัมมาทิฏฐิ รวมถึงแนวคิดเกี่ยวกับอกุศลกรรมที่เกิดจากโลภะ โทสะ โมหะ การกระทำของบุคคลที่ทำในลักษณะนี้มักนำมาซึ่งความทุกข์และโทษ นอกจา

ธรรมะ ประชา เส้นทางสู่ความเป็นพุทธะ (๒) ๗๒ ยอดของสัตว์ ๒ เท้า ด้วยอำนาจ เป็นผู้ประเสริฐกว่ามนุษย์ และเทวดา” ผู้ที่สั่งสมเอาบุญบารมีไว้มากๆ อย่างพระบรมโพธิสัตว์เจ้า ทั้งหลาย ท่านสามารถเลือกเกิดได้ และใ

ในบทนี้กล่าวถึงการเลือกเกิดของพระโพธิสัตว์ที่มุ่งหวังสู่การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ท่านมีอำนาจในการออกแบบชีวิตและเลือกเกิดในภพชาติ พร้อมกับการพูดถึงความสำคัญของอภินิหาร ๔ ประการ ที่ทำให้ท่านไม่เข้าถึงอ

2 บทสวดระลึกถึงพระธรรมกาย ธมฺมกายานุสสติกถา ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ สมันตจักขุ พุทธจักขุ ธัมมจักขุ ปวรจักขุทวยัง ทิพพโสตญาณปวรโสตทวยัง โคตรภูญาณปวรอุตุงคฆานัง มัคคผลวิมุตติผลญาณปวรคัณฑทวยัง สัตตตึงสปวรโพ

บทสวดนี้นำเสนอการระลึกถึงพระธรรมกาย พร้อมวิธีการที่เกี่ยวข้องกับการเข้าใจในขั้นของพุทธญาณและความรู้ที่ประเสริฐ รวมถึงการอธิบายถึงลักษณะและคุณสมบัติของต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าและธรรมะที่สูงส่ง

ประโยค – วิทยาธิรมณ์แปลงภาค ๓ ตอนที่ ๒๒๘ ไม่เกิดความลักขังและนัย ข้อว่า เพราะ ไม่เกิดความลักขังและนัย การว่าน ก็แสดงนี้พระ ผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า “อุทูปนท์ ปฏิสนธบุตรนี้เป็นธรรมลักขัง ทั้งอาการที่ป

บทนี้วิเคราะห์ความหมายของปฏิสนธบุตรในแง่ของความลักขังและนัยตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ โดยอธิบายลักษณะต่างๆ ของปฏิสนธบุตรทั้ง ๔ ประการ รวมถึงการทำความเข้าใจในความหมายของสัททเทกและการใช้คำในบริบ